หลังจากขยายเป็น iOS เมื่อต้นปีนี้ Google One VPN พร้อมใช้งานแล้วในคอมพิวเตอร์ Mac และ Windows Google เปิดตัวบริการ VPN บน Android เป็นครั้งแรกในปลายปี 2020 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการสมัครสมาชิก Google One ที่ให้พื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์เพิ่มเติมบน Google Drive พร้อมการสนับสนุนเพิ่มเติมและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ด้วยการขยายไปสู่ ​​iOS, Windows และ Mac บริการนี้จึงพร้อมใช้งานบนแพลตฟอร์มมือถือและเดสก์ท็อปหลักทั้งหมด

Google One เป็นหนึ่งในบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ควบคู่ไปกับ iCloud, OneDrive, Dropbox, IDrive, Box เป็นต้น อย่างไรก็ตาม Google One ไม่เหมือนตัวเลือกอื่นตรงที่ Google One ให้มากกว่าพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ โดยมาพร้อมกับ Photos, Docs, Sheets และ Slides

ซึ่งเรียกรวมกันว่า Google Workspace ช่วยให้ผู้ใช้สร้าง แก้ไข จัดเก็บ ดู และซิงโครไนซ์ไฟล์ข้ามแพลตฟอร์ม การสมัครสมาชิกเริ่มต้นที่ $1.99 ต่อเดือนหรือ $19.99

ต่อปีสำหรับแผนพื้นฐานที่ให้พื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์เพิ่มเติม 100GB แผนมาตรฐานราคา 2.99 ดอลลาร์ต่อเดือนหรือ 19.99 ดอลลาร์ต่อปีและมีพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติม 200GB ในขณะที่แผนพรีเมียมเริ่มต้นที่ 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือนหรือ 99.99 ดอลลาร์ต่อปีสำหรับพื้นที่เก็บข้อมูล 2TB

หากต้องการใช้ Google One VPN บนคอมพิวเตอร์ Mac หรือ Windows ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google One บนเบราว์เซอร์แล้วคลิกแท็บ “สิทธิประโยชน์” ทางด้านซ้าย ตอนนี้เลือก ‘VPN สำหรับอุปกรณ์หลายเครื่อง’

และกดปุ่ม ‘ดาวน์โหลด’ เพื่อไปที่ตัวเลือกการดาวน์โหลด สุดท้าย เลือกไฟล์ VPNbyGoogleOneSetup.exe บน Windows หรือ VPNbyGoogleOne.dmg บน Mac เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้งแอป โปรดทราบว่าแอปยังอยู่ในระหว่างการเปิดตัว ดังนั้นอาจใช้เวลาสองสามวันจึงจะพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ทั้งหมด

 

Google One VPN มีให้สำหรับผู้ใช้ที่สมัครแผน Premium 2TB ขึ้นไปเท่านั้น ปัจจุบันมีให้บริการใน 22 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ไอร์แลนด์ ออสเตรีย เบลเยียม แคนาดา เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เกาหลีใต้ สเปน , สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ และไต้หวัน เช่นเดียวกับบริการอื่นๆ ของ Google One VPN สามารถแชร์กับผู้ใช้อื่นๆ ได้สูงสุด 5 คน รวมถึงเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว

เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่เหมือนกับบริการ VPN ส่วนใหญ่ที่อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกเซิร์ฟเวอร์ในหลายประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการจำกัดทางภูมิศาสตร์ที่กำหนดโดยแอป เว็บไซต์ และบริการออนไลน์ต่างๆ Google One จะกำหนดที่อยู่ IP ให้กับผู้ใช้จากประเทศที่พวกเขากำลังเชื่อมต่อเท่านั้น

ดังนั้นแม้ว่า Google One VPN จะไม่มีประโยชน์เท่ากับบริการ VPN แบบสแตนด์อโลนเช่น Nord, Express หรือ CyberGhost แต่ก็ยังมีการรักษาความปลอดภัยและการเข้ารหัสที่จำเป็นเพื่อให้เซสชันการท่องเว็บของผู้ใช้ปลอดภัยจากการติดตามและการดักฟังที่อาจเกิดขึ้น

สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ https://artgifts.net/